Shipping จีน จัดเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูในยุคนี้ หากแต่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องการบุคคลหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทชิปปิ้ง ผู้ดูแลท่าเรือ ร้านจำหน่ายสินค้า บริษัทจัดส่งภายในประเทศ ฯลฯ
ธุรกิจ Shipping จีน จึงล้วนเกี่ยวเนื่องกับการใช้เทคโนโลยี ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้รวดเร็ว ง่ายดาย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น BKK Shipping จึงได้รวบรวมเอานวัตกรรมที่ทันสมัย ตลอดจนเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มาฝากผู้ประกอบการและผู้นำเข้าสินค้าจากจีน ดังต่อไปนี้
Automated Warehouse
Automated Warehouse ระบบการจัดเก็บสินค้าและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ หมายถึง ระบบบริหาร การจัดเก็บสินค้า เก็บวัตถุอัตโนมัติ เหมาะกับธุรกิจชิปปิ้งที่ต้องการลดการใช้งานพื้นที่หรือต้องการเพิ่มปริมาณในการจัดเก็บให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้า โกดังสินค้า ห้องเก็บสมุดอัตโนมัติ ฯลฯ ส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบ ASRS ซึ่งจะมีการทำงานควบคู่อัตโนมัติอย่างเป็นระบบอยู่ 2 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ เป็นการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์อัตโนมัติกับซอฟต์แวร์ที่สามารถพัฒนานำไปใช้ได้กับทุกพื้นที่ เป็นต้น
Technology
โดยทั่วไปแล้ว การขนส่งชิปปิ้งหรือ Shipping จีน จะประกอบไปด้วยเอกสารมากมายและการเดินทางของสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งในแต่ละขั้นตอน จะมีกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้า บริษัทขนส่ง ผู้ดูแลท่าขนส่ง หน่วยงานที่รับผิดชอบทางด้านกฎหมายและภาษี ไปจนถึงบริษัทที่ทำหน้าจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
ด้วยเหตุนี้ ผู้บริโภคย่อมอยากรู้ว่าสินค้าที่สั่งซื้อไปนั้น อยู่ในสถานะใดและถึงขั้นตอนใดแล้ว ปัจจุบัน จึงมีแพลตฟอร์มที่เรียกว่า TradeLens ซึ่งเป็นระบบติดตามสถานการณ์ขนส่ง โดยจะทำการบันทึกรายละเอียดทั้งหมดของการขนส่งจากจุดที่สินค้าถูกส่งออกจากต้นทางไปยังปลายทางจนเสร็จสิ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องภายใน Supply Chain ของสินค้าจะสามารถเรียกดูข้อมูลการขนส่งได้ตลอดเวลา
Delivery of Goods
การขนส่งสินค้าจะย่นระยะเวลาที่สั้นลงโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองกรุงเทพมหานครและปริมณฑล บริษัทขนส่งจะแข่งขันกันให้บริการแบบ Same-day Deliver หรือการส่งของให้ถึงปลายทางภายในวันเดียว โดยการให้บริการแบบ Same-day Delivery จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ แบบ On Demand คือการส่งของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง อาทิ Grab Delivery, Lalamove และ Kerry Express อีกแบบเรียกว่า Same-day คือการส่งให้ถึงภายในวันเดียว ซึ่งมักจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็น B2C หรือธุรกิจทั่วไป หรือแม่ค้าออนไลน์
Transports
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือการขนส่งทางรถและทางเรือ โดยการขนส่งทางรถ จะใช้ระยะเวลาราว 3-5 วัน ส่วนทางเรือจะใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่าหรือประมาณ 15-30 วัน จึงเหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ได้เร่งรีบในการจัดส่ง ทั้งนี้ยังเหมาะกับการขนส่งสินค้าในปริมาณมากๆ เนื่องจากการขนส่งทางเรือจะมีราคาที่ถูกกว่าทางรถ และเป็นที่นิยมสำหรับบรรดาร้านค้าและผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์
Green Logistics
การขนส่งยุคใหม่ จะมุ่งเน้นในเรื่องรักษ์โลกมากยิ่งขึ้นหรือ Green Logistics โดยเฉพาะการลดมลพิษทางอากาศ อันเนื่องมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเกิดมาจากการเผาผลาญน้ำมันของรถบรรทุกและการใช้ระบบการขนส่งในรูปแบบต่างๆ Green Logistics ยังเกี่ยวกับการลดต้นทุนในระบบการขนส่ง เช่น การใช้ศูนย์กระจายสินค้าที่ทำให้จำนวนรอบของการขนส่งสินค้าลดลงได้ การนำแพคเกจจิ้งของสินค้ากลับมาใช้ซ้ำ และการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำมารีไซเคิลได้
นอกจากนี้ การใช้มาตรการ IMO 2020 (International Maritime Organization) หรือองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ซึ่งออกมาตรการใหม่และบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยให้เรือทุกลำในโลกกว่าหลายหมื่นลำ เปลี่ยนเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ ไม่ให้มีการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์เกิน 0.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.5% ทำให้เรือต่างๆ ต้องเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง มาเป็นน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำ หรือเปลี่ยนเป็นน้ำมันดีเซลหรือ LNG ที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาด
มาตรการ IMO 2020 นี้ จึงเป็นที่คาดการณ์กันว่าจะช่วยมลพิษทางอากาศ ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศน์ อีกทั้งเป็นการรณรงค์ให้บริษัทขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ ให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการขนส่งสีเขียว (Green Logistics) มากขึ้น