ชิปปิ้ง ธุรกิจขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทใด ย่อมต้องใช้บริการชิปปิ้งอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า การนำเข้าสินค้า การขนส่งและจัดส่งสินค้า ฯลฯ
ชิปปิ้ง จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ ทั้งนี้ การทำธุรกิจชิปปิ้งนั้น จำเป็นต้องมีคอนเนกชั่นที่ดี มีสายป่านยาว และมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงกลุ่ม
โดยเฉพาะการทำการตลาดทาง SMS ในยุคนี้ ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายและทันที โดย 95% ของคนที่มีสมาร์ทโฟ สามารถส่งและรับข้อความ SMS ได้ทันที โดยไม่จำเป็นว่าจะมีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตหรือไม่
แต่เนื่องจากธุรกิจยุคนี้มีการเชื่อมโยงกับเรื่องของเทคโนโลยี ทำให้สถิติการทำการตลาดผ่าน SMS ได้เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อความที่ส่งทาง SMS นั้น มักจะเป็นข้อความสั้นๆ หรือมีเพียง 160 ตัวอักษร ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาในอ่านไม่มาก เป็นข้อความที่สั้น กระชับ ตรงประเด็น
BKK Shipping รวมข้อมูลเชิงสถิติที่ช่วยยืนยันได้ว่า เหตุใดการทำการตลาดทาง SMS จึงมีประสิทธิภาพสำหรับ 81% ของผู้ประกอบการมืออาชีพ นิยมใช้วิธีส่งข้อความสำหรับธุรกิจ
- 9 ใน 10 ของผู้บริโภคนิยมการติดต่อกันทางธุรกิจผ่านการส่งข้อความ ซึ่งเราจะมั่นใจได้ว่าข้อความที่ถูกส่งไปนั้น จะมีการแจ้งเตือนผู้รับหากยังไม่ได้เปิดอ่าน และมักจะมีการตอบกลับในเวลาต่อมา
- 80% ของผู้ที่ใช้ SMS ในการติดต่อทางธุรกิจ มักจะมองหาความสะดวก รวดเร็ว และเป็นการส่งสารที่ไม่ได้รบกวนผู้รับเฉกเช่นการโทร
- ผู้บริโภคจำนวนมากกว่า 80% ต้องการติดตามการสั่งซื้อสินค้าทางข้อความ เมื่อสินค้าอยู่ในระหว่างการขนส่ง
- มากกว่า 50% ของผู้บริโภคนิยมส่ง SMS ผ่านสมาร์ทโฟนมากกว่าการโทร ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะเปิดอ่านและตอบกลับผ่าน SMS มากกว่าการโทร
- 1 ใน 3 ของคนเจนเนอเรชั่น Y หรือคนยุค Millennials (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ. 2523-2540) ชอบเปิดดูข้อมูลต่างๆ ผ่านทาง SMS รวมทั้งการรับข่าวสารโปรโมชั่น และแบบสำรวจต่างๆ ผ่าน SMS
- ช่องทางที่ผู้บริโภคต้องการอัพเดทข้อมูลจากแบรนด์ที่เขาติดตาม ประกอบด้วย SMS 48% E-mail 22% แอปแจ้งเตือน 20% และการส่งจดหมายโดยตรง 8%
- SMS เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากง่ายต่อการเปิดอ่าน ยิ่งไปกว่านั้นคือ คุณไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของแบรนด์เพื่อรับการแจ้งเตือน ดังนั้น SMS จึงเป็นช่องทางการรับข้อมูลที่ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าจะไม่ตกหล่นหรือไปอยู่ใน Junk Mail เหมือนการส่งข้อมูลทาง E-Mail
- การทำการตลาดทาง SMS ได้ผลดีกว่าทำการตลาดทาง E-Mail เนื่องจากผู้บริโภคมีโอกาสที่จะเปิดดูถึง 98% และมีสแปมเพียง 1% เท่านั้น
- ในทางตรงกันข้าม การส่งข้อมูลทาง E-Mail ผู้บริโภคจะมีโอกาสเปิดดูเพียง 20% เท่ากนั้น แต่มีสแปมสูงถึง 49.7%
- 90% ของการส่งข้อความทาง SMS จะถูกเปิดอ่านภายใน 3 นาทีหลังจากได้รับข้อความ
- สำหรับคนทั่วไปแล้ว จะใช้เวลาเพียง 90 วินาทีเท่านั้นสำหรับการตอบกลับข้อความหลังได้รับ SMS
- มีเพียง 20% เท่านั้นที่จะรับสายจากเบอร์โทรแปลกๆ แต่การอ่านข้อความทาง SMS จะใช้เวลาเปิดดูเพียง 5 วินาทีหลังจากการได้รับ
- มีจำนวนการตอบกลับทาง SMS สูง 45% เมื่อเปรียบเทียบกับ E-Mail ที่มีเพียง 8% เท่านั้น และอัตราการกดคลิกอ่าน SMS อยู่ที่ 36% ส่วนการเปิดอ่าน E-Mail มีเพียง 3.4%
10 อุตสาหกรรมหลักๆ ที่นิยมใช้วิธีส่งข้อความ SMS ให้กับลูกค้า
- 73% อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
- 65% อุตสาหกรรมการเกษตร
- 63% อุตสาหกรรมบันเทิง
- 57% เครื่องจักรกลในการก่อสร้างบ้าน
- 53% อุตสาหกรรมด้านการใช้ประโยชน์จากพลังงาน
- 50% อุตสาหกรรมการบิน
- 50% ธุรกิจขนส่งและธุรกิจที่ส่งเสริมการขนส่ง
- 50% ธุรกิจที่ไม่หวังผลกำไร
- 48% ธุรกิจยานพาหนะ
- 47% ธุรกิจการศึกษา
ช่องทางที่ธุรกิจใช้บริการการส่งข้อความ SMS
- 98% ของการส่งข้อความ SMS ถูกเปิดดูมากกว่าการส่งทาง E-mail
- 95% ข้อความจะถูกอ่านและมีการตอบกลับภายใน 3นาทีนับจากการส่ง
- 90% ลูกค้าที่ได้รับข้อความทาง SMS เกิดความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
- 75% ของลูกค้าต้องการให้ส่งข้อเสนอเพิ่มเติมผ่านทาง SMS
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://financesonline.com/sms-marketing-statistics/