ชิปปิ้ง Parcel Shipping & LTL Shipping จัดส่งแบบไหนที่ใช่สำหรับธุรกิจ

ชิปปิ้ง Parcel Shipping & LTL Shipping จัดส่งแบบไหนที่ใช่สำหรับธุรกิจ - bkkshipping ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง Parcel Shipping & LTL Shipping จัดส่งแบบไหนที่ใช่สำหรับธุรกิจ 211333 768x402

ชิปปิ้ง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการจัดส่งแบบ LTL (Less-than-truckload Shipping) หรือการจัดส่งแบบไม่เต็มคันรถ แตกต่างกับParcel Shipping หรือการจัดส่งแบบ Delivery อย่างไร

เพื่อให้เห็นข้อเปรียบเทียบสำหรับการเลือกใช้ได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม เรามาดูกันว่า ทั้งสองรูปแบบนี้มีอะไรที่ต่างกันบ้าง 

การจัดส่งแบบ Parcel Shipping
Parcel หมายถึง การจัดส่งพัสดุทั่วๆ ไป เช่น การจัดส่งทางไปรษณีย์ ส่วนใหญ่นิยมใช้กับพัสดุที่มีน้ำหนักไม่มากหรือน้อยกว่า 150 ปอนด์ และสามารถยกขึ้นยานพาหนะขนส่งได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ยกหรือตัวช่วยใดๆ แตกต่างจากการจัดส่งแบบ LTL ซึ่งนิยมใช้กับบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักมากและขนาดใหญ่

การจัดส่งแบบ Parcel เหมาะสำหรับการจัดส่งสินค้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา จึงประหยัดต้นทุนได้มากกว่า นอกจากนี้ ผู้ขนส่งมักมีจุดตรวจคัดกรองและการถ่ายโอนสินค้า ทำให้ลูกค้าสามารถติดตามการจัดส่งของพวกเขาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม การจัดส่งพัสดุแบบ Parcel นั้น มักพบความเสี่ยงสูงจากการสูญหายได้มากกว่าเนื่องจากบรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็ก

การจัดส่งแบบ LTL Shipping
LTL (Less-than-Truckload) หรือการจัดส่งแบบไม่เต็มคันรถ เป็นการจัดส่งที่เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ อาจมีรูปทรงที่นอกเหนือไปจากสี่เหลี่ยมหรือจากปกติ บางครั้งบรรจุภัณฑ์มีลักษณะเฉพาะ และเป็นสินค้าที่ต้องมีตัวช่วยในการขนย้ายเนื่องจากมีขนาดใหญ่

การจัดส่งแบบ LTL นั้น ส่วนใหญ่มักจะจัดวางบนพาเลทวางสินค้าแล้วเก็บไว้ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น คลังสินค้า ทำให้มีความเสี่ยงต่ำที่สินค้าจะสูญหาย นอกจากนี้ ยังไม่มีจุดตรวจคัดกรองเหมือนกับ Parcel Shipping ทำให้ลูกค้าไม่สามารถตรวจสอบสถานที่ตั้งได้ละเอียดเท่ากับแบบ Parcel

อย่างไรก็ตาม LTL อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้า(ชิปปิ้ง)ในปริมาณมาก แม้ว่ากล่องจะมีขนาดเล็กและเบา แต่การจัดส่งแบบ LTL จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรวมสินค้าเข้าไว้ด้วยกันสำหรับการจัดส่งในคราวเดียว จึงช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่าการจัดส่งพัสดุหลายๆ ชิ้น

ความแตกต่างระหว่าง Parcel Shipping และ LTL Shipping
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองตัวเลือกแล้ว จึงสรุปได้ว่ามีความแตกต่างกัน 3 เรื่องหลักที่ผู้ขนส่งควรพิจารณา

ความเสี่ยง ความเสียหาย และการป้องกันการสูญเสีย
แต่ละตัวเลือกนำมาซึ่งความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน การจัดส่งแบบ Parcel มีโอกาสที่หีบห่อจะสูญหายหรือเสียหายสูงกว่า LTL ซึ่งการจัดส่งแบบ LTL นั้นมีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากมีพาเลทวางสินค้าและจัดวางในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสียหายโดยเฉพาะ
แม้ว่าการจัดส่ง Parcel จะมีขนาดเล็กและสามารถบรรจุในปริมาณมากขึ้นได้ ซึ่งอาจถือเป็นข้อได้เปรียบ แต่ด้วยปริมาณที่มากขึ้นก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียหรือความเสียหายได้มากขึ้นเช่นกัน

ความง่ายในการติดตามและจุดตรวจ
ข้อแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ Parcel ต้องผ่านจุดตรวจคัด ที่แตกต่างกันหลายแห่ง ดังนั้น ผู้ส่งพัสดุจะได้รับการอัปเดทพัสดุบ่อยครั้งกว่า ในขณะที่ LTLมีจุดตรวจน้อยกว่า ข้อดีคือ ยิ่งจุดตรวจน้อยลงเท่าไหร่ การส่งสินค้าก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้นเท่านั้น

ข้อได้เปรียบด้านต้นทุน
ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนของการจัดส่งแบบ Parcel คือสามารถส่งมอบสินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยในปริมาณที่มากกว่า ส่วน LTL มีขนาดสินค้าที่ใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่า จึงต้องใช้พื้นที่ความจุดมากขึ้น ดังนั้นจึงมีต้นทุนที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม การจัดส่งพัสดุแบบ Parcel นั้น อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องทำการจัดส่งในวันหยุด ส่วนการจัดส่ง LTL จะไม่คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ที่มาข้อมูล : https://www.shiplilly.com/